วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกการเมือง“เศรษฐา” ลั่น นโยบายรัฐบาลต้องชัดเจน ให้ประชาชนรู้ว่าใช้ภาษีคุ้ม ยันแจกเงินหมื่นสำเร็จได้

“เศรษฐา” ลั่น นโยบายรัฐบาลต้องชัดเจน ให้ประชาชนรู้ว่าใช้ภาษีคุ้ม ยันแจกเงินหมื่นสำเร็จได้

-

อ่านข่าวนี้กดที่นี่

วันที่ 12 ม.ค.2567 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีคณะรัฐมนตรีอาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ผบ.เหล่าทัพ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ รัฐสิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจัดหวัด เข้าร่วม

โดยนายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า นโยบายที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาลนี้ จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนสบายใจได้ว่าภาษีของพวกเค้าถูกใช้ในการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการเกษตร ช่วงที่ผ่านมาตนได้เดินหน้าเจรจาการค้า เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆให้กับพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่ม ทั้งพืช และปศุสัตว์

ด้านการท่องเที่ยวถือเป็นเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ และรัฐบาลมีเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท มุ่งให้ไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว คือ วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน และขยายเวลาสำหรับชาวรัสเซีย ซึ่งก็ทำให้เราก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยกว่า 24 ล้านคน และนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่มาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Hardware เช่น สถานที่ วัฒนธรรม อาหาร หรือเป็น Software ที่ตนใช้เรียกการจัดกิจกรรม Festival หรือ Event ต่างๆ ที่ประกอบกันเป็น Soft Power ของแต่ละพื้นที่ และต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจมากขึ้น ให้มีการใช้สถานที่จัดประชุม เป็นเจ้าภาพแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก ในประเทศไทยให้ได้

นายเศรษฐา กล่าวว่าในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนน ทางรางทางน้ำ และทางอากาศ และอีกหนึ่งโครงการที่ขอให้ความสำคัญ คือโครงการ แลนด์บริดจ์ ที่ใช้จุดแข็ง

ของสภาพภูมิศาสตร์ที่เชื่อมทั้งสองฝั่งของมหาสมุทร เปิดประตูการค้าสองฝั่งมหาสมุทรทางภาคใต้ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง การค้าและคมนาคมที่สำคัญ เสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเราจะ เสริมความแข็งแกร่งของการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกาและคาดว่าจะสร้างงาน 280,000 ตำแหน่ง คาด GDP โตขึ้นปีละ 5.5%โครงการนี้มีประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล และตนขอให้ทุกท่านช่วยกันสนับสนุน ผลักดันไปด้วยกัน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆอีกส่วนนึงที่อยากผลักดัน คือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้สำเร็จ มั่นใจว่าคนไทยเรามีฝีมือ มีทักษะ และพร้อมจะเรียนรู้ เป้าหมายของตน ยังชัดเจน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 ภายในปี 2570 โดยจะทำให้ค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 400 บาทให้ได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องปัญหายาเสพติด รัฐบาลนี้จะปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย ยึดทรัพย์ และดำเนินการเจรจาทางการทูตกับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในเด็ก เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน สำหรับความเป็นอยู่ของประชาชนจะต้องได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในตลอดสมัยของรัฐบาลนี้ ทั้งรถไฟฟ้า น้ำประปา และสิ่งแวดล้อม อากาศสะอาด ด้านค่าโดยสารรถไฟฟ้าของประชาชน รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำ “20 บาทตลอดสาย” ให้สำเร็จ ในปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง ก็เหลือ 20 บาทแล้ว ทางกระทรวง คมนาคมก็จะเดินหน้าพัฒนาระบบ Feeder ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าทั้งสองสายให้มากขึ้น และเราจะต้องเดินหน้าทำส่วนอื่นให้สำเร็จ เพื่อทำให้ 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นได้จริงสำหรับประชาชนครับ

ขณะที่ด้านกองทัพ รัฐบาลจะสนับสนุนการปรับโครงสร้างของหน่วยงานด้านความมั่นคงให้มีความทันสมัย สามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ๆ ได้ทุกมิติ พัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศและประชาชน พัฒนากระบวนการทำงาน การลงทุนในอุปกรณ์ การฝึกอบรม ที่จะทำให้ทหารเป็น “ทหารอาชีพ” ลดกำลังพล และงบประมาณลง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ เปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นสมัครใจให้มีนัย

นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะต้องเดินหน้าแก้ไขกฏระเบียบ กฏหมาย ข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างเนื้อสร้างตัวของประชาชน การทำธุรกิจ การคิดค้นธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะกฏหมายเกี่ยวกับการทำสุราพื้นบ้าน ซึ่งจะกลายมาเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่ชุมชนจะสามารถชูจุดเด่นของตนเองได้ สนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรม ทำให้คนตัวเล็กสามารถเติบโตได้ ขณะที่เรื่องการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย รัฐบาลนี้จะทำประชามติ เพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จ โดยไม่จุดขนวนความขัดแย้งในสังคมให้ได้ มุ่งหน้าทำให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งในที่สุด

“อย่างที่ทุกคนทราบว่าหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้คือการทำ ดิจิทัล วอลเล็ตให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออก พ.ร.บ.กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล ในปีงบประมาณ 2568 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม”

นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายทั้งหมดของรัฐบาลที่กล่าวไปนั้น จะต้องอาศัยการทำงานบูรณาการกัน เป็นอย่างมาก มีความเชื่อมโยงหลายส่วนการจัดทำงบประมาณ จะต้องขอให้สำนักงบประมาณช่วยคอยดูทั้งตัวชี้วัดงบประมาณที่ขอ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และต้องดูรายละเอียดเนื้อหาให้ถี่ถ้วนด้วยว่าตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่ ในปีงบประมาณ 68 จะเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องจากปี 67 โดยช่วงเวลาการทำงานจะทับซ้อนกัน

จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการ เพื่อผลักดันให้การจัดทำงบประมาณตอบโจทย์ความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และเพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดทำคำของบประมาณที่สอดคล้องกับจุดเน้นตาม นโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 142 ประเด็น สำนักงบประมาณ จึงอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ ปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ โดยขยายระยะเวลาการจัดส่งคำขอได้ถึงวันที่2 ก.พ.

แหล่งที่มาสยามรัฐ
คชสีห์นิวส์17
คชสีห์นิวส์17http://www.kochasrinews.com
บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ

ข่าวยอดนิยมในสัปดาห์