ปูตินยังไม่ยอมถอยสงคราม สั่งระดมกำลังพลสำรองอีกนับแสน ขยับอายุแก่สุดเป็น 70 ปี ขณะที่รมว.กลาโหมอังกฤษ คาดรัสเซียสูญเสียทหาร ตายหรือเจ็บในสงครามยูเครนถึง 2.5. แสนนาย
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน สงครามยูเครนดำเนินมากว่า 511 วัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งระดมกำลังพลสำรองครั้งใหม่ จำนวนอีก 100,000 นาย อีกทั้งยังมีการออกกฎหมายปรับเพิ่มอายุสูงสุดของชายที่จะถูกเกณฑ์มาเป็นกำลังพลสำรองจาก 65 ปี เป็น 70 ปี
นอกจากนั้น ชายรัสเซียที่พ้นประจำการรับใช้ชาติไปแล้ว สามารถกลับเข้ามาเป็นทหารใหม่ได้อีกครั้ง จากเดิมกำหนดอายุไว้จนถึงแค่ 45 ปี ปรับแก้เป็น 55 ปี
เดลี่เมล ระบุว่า การระดมกำลังพลสำรองครั้งใหม่ของรัสเซีย มีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูตินได้ออกคำสั่งระดมกำลังพลสำรองนับ 3 แสนนาย โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หลังจากเปิดฉากทำสงครามในยูเครนมาตั้งแต่ ก.พ. 2565 จนทำให้มีชายรัสเซียหลบหนีการถูกเกณฑ์ทหารออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน เชื่อว่า ประธานาธิบดีปูตินสั่งระดมกำลังพลสำรองครั้งใหม่ ซึ่งเรียกกันว่าเป็น ‘กองทัพของพ่อ’ นั้น สำหรับการทำศึกในสมรภูมิรบใหม่ทางภาคเหนือของยูเครน บริเวณรอบเมืองกูปิยันสก์
ด้าน เบน วอลเลซ รมว.กลาโหมสหราชอาณาจักร ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง กล่าวในที่ประชุมเรื่องอนาคตอังกฤษ ของสถาบันอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ถึงความสูญเสียทางทหารของรัสเซีย นับตั้งแต่ทำสงครามในยูเครนว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ อย่างน้อย 230,000-250,000 นายเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากเมื่อเทียบกับความสูญเสียในสงครามที่อัฟกานิสถาน ระหว่างปี ค.ศ. 1979-1989 ที่มีทหารรัสเซียถูกสังหาร 15,000 ศพ โดย เบน วอลเลซ ยังกล่าวด้วยว่า ‘นั่นคือความคิดของปูติน’