วันพุธ, ธันวาคม 31, 2025
หน้าแรกต่างประเทศอาเซียนขยับบทบาทท่ามกลางไฟปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา บททดสอบ ASEAN Centrality ในเวทีภูมิรัฐศาสตร์

อาเซียนขยับบทบาทท่ามกลางไฟปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา บททดสอบ ASEAN Centrality ในเวทีภูมิรัฐศาสตร์

อ่านข่าวนี้กดที่นี่

รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา “ยุติการสู้รบทุกรูปแบบโดยทันที” หลังการประชุมฉุกเฉินที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อรับมือกับวิกฤตชายแดนที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนความพยายามของ ASEAN ในการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค และตอกย้ำบทบาทศูนย์กลางของอาเซียน ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค

การประชุมฉุกเฉินมีขึ้นหลังสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง Thailand และ Cambodia ยกระดับจากข้อพิพาทชายแดนเรื้อรังสู่การปะทะด้วยอาวุธ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานพลเรือนได้รับความเสียหาย และประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เพียงกระทบความมั่นคงของสองประเทศ แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพโดยรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แถลงการณ์ร่วมระบุให้อีกฝ่ายใช้ “ความอดกลั้นสูงสุด” และหันกลับสู่การเจรจาทวิภาคี โดยอาศัยกลไกที่มีอยู่และการอำนวยความสะดวกของประธานอาเซียน การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่ Kuala Lumpur ภายใต้การนำของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี Anwar Ibrahim ได้รายงานความคืบหน้าความพยายามไกล่เกลี่ยที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หนึ่งในประเด็นที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน คือการยอมรับบทบาทของนานาชาติในแถลงการณ์อย่างเปิดเผย รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนแสดงความขอบคุณต่อการมีส่วนร่วมของผู้นำมาเลเซีย รวมถึงการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและจีน โดยเฉพาะการมีบทบาทของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald J. Trump และการสนับสนุนจาก China ซึ่งถูกมองว่าเป็นแรงเสริมทางการทูตที่ช่วยกดดันให้ทุกฝ่ายหันเข้าสู่แนวทางสันติ อย่างไรก็ดี การเปิดพื้นที่ให้อิทธิพลภายนอกเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ก็ทำให้อาเซียนต้องเผชิญโจทย์สำคัญในการรักษาหลักการไม่แทรกแซงและความเป็นศูนย์กลางของตนเอง

ในเชิงเนื้อหา แถลงการณ์ร่วมเน้นย้ำความจำเป็นของการหยุดยิงโดยทันที เพื่อเปิดทางให้ประชาชนที่พลัดถิ่นสามารถกลับสู่ถิ่นฐานได้อย่างปลอดภัย ควบคู่กับการลดกำลังทหารและการถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทภายใต้การติดตามของกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศกลับสู่กระบวนการเจรจาทวิภาคี และยึดมั่นต่อพันธกรณีเดิม รวมถึงปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ที่ลงนามไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2025

นักวิเคราะห์มองว่า วิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชาครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญของ “ASEAN Centrality” หากอาเซียนสามารถผลักดันให้เกิดการหยุดยิงและลดความตึงเครียดได้จริง จะช่วยตอกย้ำความน่าเชื่อถือขององค์กรในฐานะกลไกหลักด้านสันติภาพของภูมิภาค แต่หากความขัดแย้งยืดเยื้อหรือบานปลาย ความล้มเหลวอาจเปิดช่องให้มหาอำนาจภายนอกเข้ามามีบทบาทกำหนดทิศทางความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด แถลงการณ์ร่วมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงถ้อยคำทางการทูต หากแต่เป็นสัญญาณเตือนทางการเมืองต่อทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญว่า เส้นทางข้างหน้าจะนำไปสู่การลดความรุนแรงและการฟื้นฟูความเชื่อมั่น หรือจะปล่อยให้ความขัดแย้งกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ ผลลัพธ์ของการดำเนินการหลังจากนี้จะเป็นตัวชี้วัดบทบาทที่แท้จริงของอาเซียนในยุคที่ภูมิรัฐศาสตร์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เนื้อหาโดย วณิชชา สุมานัส

#เอมหาชัย
#เอมหาชัยhttps://www.kochasrinews.com
ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

ข่าวยอดนิยมในสัปดาห์