ระนอง – เปิดโปงปฏิบัติการผลักดันชาวเมียนมากลับประเทศ เสี่ยงละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
ระนอง, 12 ธันวาคม 2568 — องค์กรสิทธิมนุษยชน Fortify Rights เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้ร่วมมือกับกองทัพเมียนมาในการผลักดันชาวเมียนมากลับประเทศกว่า 3,500 คน ระหว่างปี 2567–2568 ผ่านทางด่านระนอง–เกาะสอง ส่งผลให้ผู้ถูกผลักดันบางส่วนถูกบังคับเกณฑ์ทหาร ข่มขู่ด้วยอาวุธ และถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
Fortify Rights ระบุว่า เจ้าหน้าที่ไทยและเมียนมาบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ โดยเรียกเก็บเงินรายละสูงถึง 40,000 บาท เพื่อแลกกับการหลีกเลี่ยงการถูกผลักดันกลับ เมื่อไม่สามารถจ่ายได้ ผู้ถูกผลักดันจำนวนมากถูกส่งตรงเข้าสู่กระบวนการคุมตัวและเกณฑ์ทหารในเมียนมา
หนึ่งในผู้ให้ข้อมูล “จ่อกะเล” ชายวัย 26 ปี เล่าว่า หลังถูกจับกุมในไทย เขาถูกส่งตัวข้ามแดน ก่อนถูกบังคับเข้าค่ายทหารและถูกข่มขู่ด้วยอาวุธ โดยถูกควบคุมตัวนานหลายเดือนก่อนจะหลบหนีออกมาได้ ขณะที่ “คยิ่นหล่าย” วัย 32 ปี กล่าวว่า เมื่อถึงเกาะสอง เจ้าหน้าที่ประกาศอย่างชัดเจนว่าชายวัย 18–40 ปีจะถูกส่งเข้าค่ายทหารทันที
กรณี “อเย่จี” ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการเรียกรับผลประโยชน์ โดยเธอถูกเรียกเงิน 40,000 บาทเพื่อแลกกับการไม่ผลักดันพี่ชาย แต่เมื่อไม่สามารถจ่ายได้ พี่ชายถูกส่งตัวกลับและถูกบังคับเกณฑ์ทหาร โดยไม่มีข่าวคราวจนถึงปัจจุบัน
Matthew Smith ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fortify Rights ระบุว่าการผลักดันบุคคลกลับไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอย่างชัดเจนต่อการทรมานหรือบังคับเกณฑ์ทหาร อาจเข้าข่ายละเมิดหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement) ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายไทยว่าด้วยการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย ทั้งยังอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์
นักสิทธิมนุษยชนและผู้นำแรงงานในพื้นที่ระบุว่า ชาวเมียนมาจำนวนมากลี้ภัยเข้ามาในไทยเพื่อหลีกหนีความรุนแรงและการเกณฑ์ทหาร จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติความร่วมมือกับกองทัพเมียนมา และจัดตั้งระบบขอลี้ภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อคุ้มครองผู้หลบหนีตามหลักมนุษยธรรม
รายงานฉบับนี้จุดกระแสความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของประเทศไทยในประเด็นสิทธิมนุษยชนท่ามกลางสถานการณ์การบังคับเกณฑ์ทหารทั่วประเทศเมียนมาหลังรัฐประหาร และอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศหากไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เนื้อหาข่าว: วณิชชา สุมานัส
