นายจ้างตรวจสอบสิทธิ์มาตรการเยียวยาเอสเอ็มอี มีคุณสมบัติและเงื่อนไข อย่างไรบ้าง เพื่อรับเงินเยียวยา 3000บาท/หัวลูกจ้าง แต่ไม่เกิน 200 คน หรือ ได้รับสูงสุด 1.8ล้านบาท
“โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs” ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 19 ตุลาคม 64 เห็นชอบโครงการและอนุมัติกรอบวงเงินโครงการจากพ.ร.ก.เงินกู้จำนวน 37,521.6900 ล้านบาท โดยมีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ซึ่งจะจ่ายให้กับนายจ้าง 3,000บาท ต่อหัวของลูกจ้าง แต่ไม่เกิน 200 คน เป็นเวลา 3 เดือน เท่ากับว่า หากบริษัทใดมีพนักงาน 200 คน จะได้รับเงินเยียวยา 1.8 ล้านบาท
แต่ก็มีหลายธุรกิจ สถานประกอบการ นายจ้าง สอบถามเข้ามาว่า แล้วนายจ้างจะต้องมีคุณสมบัติ เงื่อนไขอย่างไร ถึงจะได้รับเงินเยียวยาเอสเอ็มอีจากรัฐบาลในรอบนี้
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานพบข้อมูลดังนี้
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
1.เป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 สถานะ Active) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ต.ค. 2564 เพื่อตรวจสอบขนาดกิจการที่มีสถานะเป็น SMEs
2.ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. – 20 พ.ย. 2564
เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุน
1.รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่นายจ้าง ตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวนไม่เกิน 200 คน ที่อยู่ในฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 สถานะ Active ณ วันที่ 16 พ.ย. 2564
2.รับเงินอุดหนุน 3,000 บาท/คน/เดือน ระยะเวลา 3 เดือน (พ.ย. 2564 – ม.ค. 2565)
3.นายจ้างต้องรักษาระดับการจ้างงาน (ณ วันที่ 16 พ.ย. 2564) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการ
- หากต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น ๆ
- หากมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น โดยเปรียบเทียบกับข้อมูล ณ วันที่ 16 พ.ย. 2564 รับเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นตามจ านวนการจ้างงานจริง (ไม่เกินร้อยละ 5 ของจ านวนลูกจ้างไทยทั้งหมดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ) ในอัตรา 3,000 บาท/คน/เดือน ระยะเวลา 2 เดือน (ธ.ค. 2564 – ม.ค. 2565)

4. จ่ายเงินอุดหนุนเป็นรายเดือน ผ่านบัญชีธนาคารที่นายจ้างแจ้ง ทุกวันทำาการวันสุดท้ายของเดือน
- ธนาคารกรุงไทย ตามวันที่กำหนด (30 พ.ย. 2564 / 30 ธ.ค. 2564 / 31 ม.ค. 2565)
- ธนาคารอื่น หลังวันที่กำหนด และหักค่าธรรมเนียมในการโอนระหว่างธนาคารจากเงินอุดหนุน
5.นายจ้างที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการ
- จะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้าง
- นำส่งเงินสมทบประกันสังคมผ่านช่องทาง e-service ของสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้
- การขอรับเงินอุดหนุนของนายจ้าง จะต้องไม่เป็นเหตุให้นายจ้างชะลอการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง
- เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ในนิติสัมพันธ์ความเป็นลูกจ้างและนายจ้างกัน จะมีการดำเนินการติดตามและตรวจสอบการจ้างงาน

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ