วันศุกร์, ธันวาคม 19, 2025
หน้าแรกทั่วไปสมุทรปราการ  ตำรวจน้ำปล่อยเรือป้องกันเรือลักลอบนำเชื้อเพลิงไปประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณีตามนโยบายรัฐบาล

สมุทรปราการ  ตำรวจน้ำปล่อยเรือป้องกันเรือลักลอบนำเชื้อเพลิงไปประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณีตามนโยบายรัฐบาล

อ่านข่าวนี้กดที่นี่

สมุทรปราการ  ตำรวจน้ำปล่อยเรือป้องกันเรือลักลอบนำเชื้อเพลิงไปประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณีตามนโยบายรัฐบาล

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ บก.รน.จังหวัดสมุทรปราการ จากสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่  7 ธันวาคม 2568 ปัจจุบันรัฐบาลได้มีการงดการนำเข้า-ส่งออก น้ำมันเชื้อเพลิง ไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจากข้อมูลแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังมีกลุ่มผู้ประกอบการ ได้มีการลําเลียงส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชาอยู่อย่างต่อเนื่อง ทางตรงโดยผ่านประเทศเพื่อนบ้านหรือแอบลักลอบผ่านเรือประมงดัดแปลง หรือเรือที่ผิดกฎหมายเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจากการสืบสวนได้ ทราบว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่ยังมีการส่งน้ำมันยังประเทศกัมพูชา บก.รน.ได้ดำเนินการ สั่งการให้เรือตรวจการณ์ (1301 ) ชัยจินดา พร้อมกำลังพลออกลาดตระเวน พื้นที่ตลอดแนวชายแดนทางทะเล ของประเทศไทยและกัมพูชา เพื่อสกัดกั้นเรือที่อาจจะส่งยุทธภัณฑ์ ไปยังประเทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ น้ำมันเชื้อเพลิง ที่อาจลักลอบเข้าประเทศกัมพูชา การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนให้กับการปฏิบัติการทางทหาร

พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รอง.ผบก.รน. กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก ผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปนม.ตร. ,พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบบริเวณชายแดนเพื่อนบ้าน ซึ่งทางตำรวจน้ำ ได้มีภารกิจในการสกัดกั้นและป้องปราม ไม่ให้เรือหรือยานพาหนะที่จะลำเลียงทรัพยากร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายที่รัฐบาลสั่งการมา ซึ่งวันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีได้รวบรวมกำลังพลตำรวจน้ำทั้งประเทศ โดยใช้เรือตรวจการณ์ชัยจินดา เป็นเรือที่ออกปฎิบัติภารกิจ โดยจะมุ่งหน้าออกไปไปยังชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายจะรู้อยู่แล้วว่าเรือที่ประกอบกิจการน้ำมันอยู่จุดไหนบ้าง โดยจะได้เข้าไปตรวจสอบ ว่าทำธุรกิจอยู่ในกรอบหรือไม่ โดยจะตรวจสอบ 3 อย่าง คือ 1.คน 2.เรือง 3.สิ่งของ โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะศรชล เพื่อให้ภาพการทำงาน มาในรูปแบบหน่วยราชการที่ทำงานทางทะเล ซึ่งในเรือจะมีอุปกรณ์พิเศษ ทั้งเรดาร์ และโซดาร์ รวมถึง GPS โดยจะรู้ถึงกลุ่มเรือเหล่านั้น ที่เป็นเรือสถานีบรรทุกน้ำมัน ว่าอยู่ตามพิกัด และเรือที่ขนถ่ายน้ำมันจะมีข้อมูลชื่อเรือ ว่า GPS ขึ้นอยู่บริเวณไหน โดยท่าเรือลำไหนวิ่งนอกเหนือเส้นทางที่เขาขอ ก็จะเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งทางทะเลจะไม่เหมือนถนนที่จะมีกล้องวงจรปิด จึงจำเป็นต้องมีการข่าวนำ อาจจะไม่สามารถสกรีนได้ 100% แต่ก็จะผนึกกำลังเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ถ้าหากเจอเหลือที่ขนน้ำมันให้ทางกัมพูชาจริงอันดับแรก จะต้องตรวจสอบก่อนเพราะไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเรือลำนั้นจะไปส่งที่กัมพูชาจริง ซึ่งจะตรวจสอบจากใบข้อมูล ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน ซึ่งความผิดอาจจะยังไม่สำเร็จ ก็ต้องป้องปราม และสกัดกั้น ซึ่งการทำงานทางทะเลจะทำได้ประมาณนี้ แต่จะให้จับกุมจะต้องเป็นความผิดซึ่งหน้า ในกรณีที่อยู่นอกราชอาณาจักรจะต้องแจ้งไปยังบริษัทอย่างเดียว หากเขามีเหตุผลรองรับ การดำเนินคดีหากหลักฐานไม่เพียงพอก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ อยากฝากให้ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางตำรวจน้ำก็เป็นส่วนหนึ่งในการปฎิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมือง โดยจะต้องไปอยู่บนเรืออย่างต่ำ4-5 วัน แล้วแต่ภารกิจ

 

วิวรรธน์

สมุทรปราการ  ตำรวจน้ำปล่อยเรือป้องกันเรือลักลอบนำเชื้อเพลิงไปประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณีตามนโยบายรัฐบาล

สมุทรปราการ

ข่าวยอดนิยมในสัปดาห์