เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลมาเลเซีย ในเมือง คังการ์ เมืองเอกของรัฐปะลิส ตั้งข้อหาภายใต้ ก.ม.ต่อต้านการค้ามนุษย์และลักลอบนำเข้าแรงงานข้ามชาติต่อผู้ต้องหาชายชาวไทย 4 คน อายุระหว่าง 30-58 ปี ฐานค้ามนุษย์ชาวเมียนมา 2 คน กรณีเชื่อมโยงกับการค้นพบหลุมฝังศพจำนวนมากในปี 2558 ที่เชื่อว่าเป็นชาวมุสลิมโรฮีนจาและชาวบังกลาเทศ บริเวณค่ายร้างบนป่าทึบในเขตวังเกอเลียน รัฐปะลิส ทางเหนือของมาเลเซีย ติดชายแดนทางภาคใต้ของไทย หากถูกตัดสินว่ามีความผิด มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี รวมทั้งโทษปรับ
นายไซฟุดดิน นาซูเตน อิสมาอิล รมว.มหาดไทยมาเลเซีย แถลงว่า ทั้ง 4 คน เป็นส่วนหนึ่งในคนไทย 10 คน ที่รัฐบาลมาเลเซียร้องขอให้ทางการไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อปี 2560 หลังตำรวจมาเลเซียค้นพบค่ายพักแรมร้าง 28 แห่ง กระจายอยู่กลางป่าตามแนวชายแดนที่เครือข่ายค้ามนุษย์ใช้กักขังเหยื่อ ส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยโรฮีนจาในเมียนมา และชาวบังกลาเทศ เมื่อเดือน พ.ค.2558 ต่อมายังพบศพ 139 ศพ จากหลุมฝังศพหมู่ในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงเวลาไม่นานหลังตำรวจไทยขุดพบศพ 36 ศพ ที่ฝั่งไทย นำไปสู่ปฏิบัติการร่วมของ 2 ชาติ ซึ่งทางการไทยตัดสินลงโทษจำเลย 62 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ 9 คน ฐานค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศจากไทยไปยังมาเลเซียเมื่อปี 2560
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางการมาเลเซียมีการออกหมายจับและหมายแดงตำรวจสากล รวมทั้งประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.ศพดส.ตร. (ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ในช่วงปี 2565 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร. ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามที่ได้รับการประสานจากทางการมาเลเซีย 9 ราย ติดตามจับกุมได้ 4 ราย ประกอบด้วยนายสมพล อาดำ สัญชาติไทย นายบุญเย็น นีซาละห์ สัญชาติไทย นายอรุณ แก้วฟ้านอก สัญชาติไทย นายเจ๊ะปา ลาปีอี สัญชาติไทย
ศาลไทยมีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปดำเนินคดีที่มาเลเซียตามคำร้องขอ ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียเดินทางมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย การส่งมอบตัวเป็นไปตามสนธิ สัญญาผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งไทยและมาเลเซียมีข้อตกลงกัน นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับชาติที่สำคัญอีกครั้งระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งได้ประสานความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานและจะสานต่อความร่วมมือนี้ในการปราบปรามอาชญากรรม ข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพต่อไป.