คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือร่วมชมการจำลองปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ พร้อมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนในประเทศเตรียมพร้อม “ทุกเมื่อ” สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์
แม้การซ้อมรบครั้งนี้จะใช้เพียงขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) ทว่าจุดที่น่าสังเกตคือ มีการยิงขีปนาวุธออกจาก “ไซโล” ที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า จะมีส่วนช่วยเพิ่มความเร็วและเสถียรภาพให้ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่เกาหลีเหนือจะยิงทดสอบในอนาคต
สำนักข่าว KCNA รายงานว่า การซ้อมรบเมื่อวันเสาร์ (18 มี.ค.) และวันอาทิตย์ (19) มีจุดประสงค์เพื่อ “ยกระดับป้องปรามสงครามและเสริมศักยภาพในการโจมตีตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์” พร้อมกล่าวหาวอชิงตันและโซลว่า “กำลังพยายามอย่างชัดเจนที่จะยั่วยุให้เกิดสงคราม” กับเกาหลีเหนือ
ในการซ้อมรบดังกล่าว เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวติดหัวรบนิวเคลียร์จำลองซึ่งพุ่งแหวกอากาศขึ้นไปถึงระดับความสูง 800 เมตร (0.5 ไมล์) ก่อนจะไปตกลงยังเป้าหมายซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยิงราว 800 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการจำลองปฏิบัติการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (tactical nuclear attack)
นักวิเคราะห์มองว่า จากภาพที่สื่อโสมแดงเผยแพร่เข้าใจว่าขีปนาวุธที่ใช้น่าจะเป็น KN-23 และเมื่อมองจากกลุ่มควันเครื่องยนต์ที่ถูกปล่อยออกทางด้านข้างขณะที่จรวดพุ่งออกจากฐานยิงทำให้สันนิษฐานว่ามีการใช้ “ไซโล” ด้วย
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เกาหลีเหนือนิยมใช้ฐานยิงเคลื่อนที่ในการทดสอบขีปนาวุธทุกชนิดตั้งแต่ SRBM เรื่อยไปจนถึงขีปนาวุธข้ามทวีป แต่เนื่องจากสภาพท้องถนนที่ย่ำแย่และระบบการยิงเองทำให้ยากที่จะการันตีเสถียรภาพของขีปนาวุธในปฏิบัติการจริง” ยาง อุ๊ก (Yang Uk) นักวิจัยจากสถาบันอาซานเพื่อนโยบายศึกษาในกรุงโซลให้ความเห็น “การยิงขีปนาวุธครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการทดลองเพื่อเตรียมยิงขีปนาวุธขนาดใหญ่อย่างฮวาซอง-17 จากไซโลในอนาคต”
โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ยอมรับว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีเทคโนโลยีที่ “ก้าวหน้าไปมากพอสมควร” ทว่ายังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด
ผู้นำ คิม ซึ่งเดินทางไปชมการทดสอบขีปนาวุธพร้อมกับบุตรสาวคนโปรด “คิม จูแอ” ระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้ช่วยปรับปรุงศักยภาพของกองทัพในการทำสงครามจริง และยังสะท้อนถึงความจำเป็นที่เกาหลีเหนือจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับ “การโจมตีตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์อย่างฉับพลันและท่วมท้น”
“ในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งฝ่ายศัตรูยิ่งสำแดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อเกาหลีเหนือมากขึ้น ทำให้เกาหลีเหนือมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องยกระดับการป้องปรามสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์” สำนักข่าว KCNA อ้างคำแถลงของผู้นำคิม
“กองกำลังนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะยับยั้ง ควบคุม และจัดการกับการกระทำอันไร้ความยับยั้งชั่งใจและการยั่วยุของศัตรูด้วยความพร้อมด้านสงครามขั้นสูง และจะปฏิบัติภารกิจสำคัญๆ โดยไม่ลังเล หากเกิดสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ขึ้น”
กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ได้เปิดฉากซ้อมรบร่วมประจำปีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค. รวมถึงการซ้อมรบทางทะเลและอากาศในวันอาทิตย์ (19) ซึ่งมีการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1B มาเข้าร่วมฝึกด้วย..
#Sherlock Holmes…
