“เครือเจริญโภคภัณฑ์” หรือ CP ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่อันดับต้นๆของประเทศไทย มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ โดยในตลาดหุ้นไทยหุ้นในเครือ CP เป็นที่รู้จักอย่างดีก็จะมี CPALL, CPF, MAKRO และTRUE ซึ่งทีมข่าว Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาถอดคำทำนายกันดูว่าผลงานปี 2565 ทั้ง 4 บริษัท จะเป็นอย่างไร

.
โดยจากการประเมินของนักวิเคราะห์ พบว่า ทั้ง 4 บริษัท จะมีรายได้รวมกันสูงถึง 1,986,346 ล้านบาทในปี 2565 โดยมีเพียง CPALL และ CPF ที่คาดปี 2565 กำไรจะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2564 ขณะที่ MAKRO คาดจะมีกำไรลดลง ส่วน TRUE หนักสุด คาดจะมีผลขาดทุนสูงถึง 8-9 พันล้านบาทในปี 2565
.
มาเริ่มกันที่ CPALL มุมมองของนักวิเคราะห์บล.บัวหลวง มีความเห็นว่า ปัจจัยหนุนการเติบโตของกำไรในไตรมาส 4/65 และปี 2566 คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และคาดการณ์การขยายตัวของกำไรจะต่อเนื่องในปี 2567-68 จากการที่ CPALL น่าจะเห็นการใช้จ่ายที่มากขึ้นของชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้หุ้นยังคงซื้อขายบนระดับ PER ที่ต่ำกว่า MAKRO ยังแนะนำ ซื้อ เป้าหมายพื้นฐาน 80.00 บาท
.
ทั้งนี้ประมาณการกำไรทั้งปี 2565 อยู่ที่ 14,495 ล้านบาท เติบโต 55% ส่วนรายได้คาดว่าอยู่ที่ 828,741 ล้านบาท เติบโต 46% จากปีก่อน ด้านปี 2566 คาดรายได้รวมที่ 885,991 ล้านบาท เติบโต 7% และกำไรหลักที่ 19,234 ล้านบาท เติบโต 32% ถึงแม้ว่าต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นจะกดดันความสามารถในการทำกำไร แต่เชื่อว่าการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (คาดยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ปี 2566 ที่ 8%) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวขึ้นจะกลบผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น
.
นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s จะเริ่มฟื้นตัว (ทั้งยอดขายและพื้นที่เช่า) ในปีนี้ และจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือน มิ.ย. คาดว่า Lotus’s จะกลายเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตใหม่ของ CPALL ในช่วงปี 2566
.
ต่อมา CPF สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/65 เบื้องต้นคาดทรงตัวจากไตรมาสก่อน และพลิกจากขาดทุนปกติ 4,028 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 จากแนวโน้มราคาหมู/ไก่ในประเทศที่คาดจะยังทรงตัวระดับสูง เนื่องจาก ปริมาณหมูในตลาดที่ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 16,449 ล้านบาท โต 737.4% และคาดมีรายได้ 549,871 ล้านบาท โต 7%จากปีก่อน
.
ทั้งนี้ยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ CPF ในปี 2566 ที่คาดจะเติบโตต่อจากปี 2565 จากธุรกิจในต่างประเทศที่ฟื้นตัวได้มากขึ้น ขณะที่ราคาหมู/ไก่ในประเทศคาดจะยังทรงตัวระดับสูงถึงครึ่งแรกปี 66 เป็นอย่างน้อย ประกอบกับแนวโน้มราคาต้นทุนที่คาดจะชะลอลงหนุนอัตราการทำกำไร ยังคงคำ แนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท
.
ด้าน MAKRO สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บล.บัวหลวง มีความเห็นว่า คาดกำไรหลักของ MAKRO ในไตรมาส 4/65 ที่ 2,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 53% จากไตรมาสก่อน การบริโภคที่ยังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ธุรกิจขายส่งของ Makro รายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 9% และยอดขายโดยรวมเติบโต 12% คาดว่ายอดขายของ Makro เพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุน ดังนั้นมองว่าทั้งปี 2565 จะมีกำไร 7,683 ล้านบาท ลดลง 43% ขณะที่รายได้คาดที่ 466,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%จากปีก่อน
.
ทั้งนี้แม้ว่าค่าไฟและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นแรงกดดันกำไรในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แต่ยังคงคาดว่า MAKRO จะรายงานยอดขายที่เติบโตและนอกเหนือจากนั้นหวังว่าจะฟื้นตัวของกำไรจะแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หากราคาหุ้นอ่อนตัวมองเป็นการเปิดโอกาสในการเข้า ซื้อ เป้าหมายพื้นฐาน 44.00 บาท
.
สุดท้าย TRUE สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า ผลขาดทุนปกติ 9 เดือนปี 65 อยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท เทียบกับคาดการณ์ทั้งปี 2565ที่คาดขาดทุน 5.6 พันล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4/65 คาดยังขาดทุนต่อเพราะค่าใช้จ่าย Amalgamation ที่ ยังสูงและการแข่งขันในตลาดก่อนการ Amalgamation ที่รุนแรง ทำให้ประมาณการมี Downside Risk ภาพทั้งปี 2565 TRUE อาจจะขาดทุนถึง 8-9 พันล้านบาท ส่วนรายได้รวมคาดที่ 141,465 ล้านบาท ลดลง 1% ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก Wealthy Thai