นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ปลื้มกระแสโครงการไปรษณีย์ reBOX ล่าสุดมีปริมาณกล่องพัสดุและซองที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบรีไซเคิลแล้วกว่า 200,000 กิโลกรัม โดยร่วมกับบริษัทเอสซีจี แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) และองค์การเภสัชกรรม จัดทำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนในช่วงปลายปีนี้ โดยทุกคนยังสามารถรวบรวมกล่องพัสดุ และซองที่ไม่ใช้แล้ว ส่งมอบได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้านทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับรวบรวมอื่นๆ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 นี้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทยดำเนินโครงการที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือและสร้างประโยชน์ให้กับภาคสังคม ทั้งที่เป็นโครงการที่ไปรษณีย์ไทยทำอยู่เดิม รวมถึงการเดินหน้าผนวกกับองค์กรพันธมิตร เพื่อใช้ศักยภาพในด้านการขนส่งอำนวยความสะดวกได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ หนึ่งในโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 และเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน องค์กรภาครัฐ และเอกชนเป็นอย่างดี คือ โครงการไปรษณีย์ reBOX การเปลี่ยนกล่อง/ซองที่ไม่ใช้แล้วให้มีคุณค่าอีกครั้ง ซึ่งการดำเนินงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา มีปริมาณกล่องพัสดุและซองเข้าสู่ระบบรีไซเคิลแล้วกว่า 200,000 กิโลกรัม โดยต้องขอขอบคุณคนไทย รวมทั้งทุกภาคส่วนที่ให้ความสนใจกับการจัดการสิ่งของที่ไม่ใช่แล้วให้มีประโยชน์เพิ่มขึ้น ตอบรับกระแสแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เป็นการจัดการกับของเสียหรือขยะจากสินค้าหลังจากการบริโภค เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่เป็นการพัฒนาเศรฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของโครงการดังกล่าว ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้ทยอยส่งกล่อง/ซอง ที่ได้รับจากประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ให้บริษัทเอสซีจี แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) แล้ว และองค์การเภสัชกรรมพร้อมจัดทำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ได้มากถึง 300,000 ชิ้น บรรจุรวมอยู่ในกล่อง BOX บุญ เพื่อมอบให้โรงพยาบาลในการป้องกันเชื้อโควิด – 19 โดยพร้อมส่งมอบทันทีที่จัดทำหน้ากากอนามัยเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ องค์กรภาครัฐ ธุรกิจเอกชน รวมถึงภาคประชาชน สามารถรวบรวมกล่องพัสดุ และซองกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว มาให้ที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับรวบรวมอื่นๆ เช่น กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการกองทัพไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สำนักงานใหญ่) ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตและสเปลล์ SHIPPOP และองค์การเภสัชกรรม ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564
“กระแสการการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันจะได้เห็นการเชื่อมโยงเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ากับอุตสาหกรรมและธุรกิจประเภทต่าง ๆ แต่ในภาคการขนส่งยังไม่มีผู้ดำเนินโครงการดังกล่าวมากนัก ไปรษณีย์ไทยจึงพร้อมขับเคลื่อนและสร้างสรรค์กล่อง/ซองที่ไม่ใช่แล้วให้มีคุณค่า เพื่อยืนหยัดเคียงคู่สร้างโลกให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน และส่งต่อความรักความห่วงใย เคียงข้าง คนไทยในทุกสถานการณ์ต่อไป ” ดร.ดนันท์ กล่าวสรุป
ที่มา : ไปรษณีย์ไทย
